นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และหนึ่งในผู้ที่จะให้ข้อมูลได้ดีที่สุดก็คือคุณพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการ
“อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ในด้านอุปทานนั้นเป็นผลจากการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตเพราะความยากในการจัดส่งจากประเทศต้นทาง ผู้ผลิตรถยนต์ 8 รายในไทยก็ต้องหยุดผลิตชั่วคราวระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยจะควบคุมได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมก็ส่งผลให้สายการผลิตยังมีกำลังต่ำกว่าช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาด
ด้านอุปสงค์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะมาตรการกักกันทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว ในเดือนเมษายนประเทศไทยจึงผลิตรถยนต์ได้ต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี โดยลดลงถึงร้อยละ 84 และมียอดจำหน่ายในประเทศลดลงร้อยละ 65 แต่นับจากเดือนพฤษภาคมก็มียอดการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะการผ่อนปรนมาตรการกักกัน แม้ว่ายอดรวมในเจ็ดเดือนแรกของปีจะยังคงน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 44 ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ประเมินสถานการณ์ที่อาจตามมาจากการแพร่ระบาดของโควิดไว้ 2 สถานการณ์
สถานการณ์ที่ 1: ถ้าไม่มีการแพร่ระบาดระลอก 2 และตลาดรถยนต์ฟื้นตัวได้เร็ว ประเทศไทยจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ 1,400,000 คันภายในปีนี้ โดยเน้นเพื่อจำหน่ายในประเทศมากกว่าส่งออก
สถานการณ์ที่ 2: เกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 ในประเทศ กำลังการผลิตจึงลดเหลือเพียง 1,000,000 คัน โดยสัดส่วนสำหรับการจำหน่ายในประเทศและส่งออกจะเท่ากันคือตลาดละประมาณ 500,000 คัน”
สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงนั้น คุณพิสิฐได้ให้ข้อมูลดังนี้ “ปัจจุบันเรามีผู้ผลิตรถยนต์จำนวน 14 ราย โดยได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนการผลิตรถ xEV 23 โครงการ ซึ่งประกอบด้วยโครงการผลิตรถ HEV 5 โครงการ โครงการผลิตรถ PHEV 6 โครงการ และ BEV 12 โครงการ นี่จะส่งผลให้ปริมาณรถ xEV จดทะเบียนใหม่ในปี พ.ศ. 2562 มีจำนวน 27,171 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากปี พ.ศ. 2561